วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เที่ยวฮอยอันในวันเดียว เมืองมรดกโลก One Day in Hoi An




     หลังจากได้กินอาหารรสจัดจ้านแล้ว เราก็เคลื่อนพลไปจัดจ้านย่านเมืองเก่ากันต่อ เพราะเราจะไปเยือนถิ่นเมืองมรดกโลก เมืองฮอยอัน (Hoi An) กัน ตอนแรกว่าจะเหมารถแท็กซี่จากข้างนอกไปกัน แต่เรามากันตั้งหลายคน ลองใช้รถบริการของทัวร์โรงแรมดูบ้าง มีค่าบริการตายตัวแบบไปกลับอยู่ที่ 390,000 ด่อง ใช้เวลาเดินทางราว 45 นาทีครับ
ก่อนจะออกเดินขอแวะซื้อส้มลูกเล็กๆ จากแม่ค้าท้องถิ่นก่อน 
เรามาถึงวัดพุทธแห่งหนึ่งในเมืองฮอยอันแล้ว
เราแวะไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อนจ้า

      เมืองฮอยอัน (Hoi An) หรือที่คนเวียดนามออกเสียงกันว่า “โห่ยอาน”  อยู่ทางทิศใต้จากเมืองดานัง เป็นเมืองมรดกโลกที่มีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบัน งดงามด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล (Colonial) ผสทผสานกับกลิ่นอายตะวันออก เมืองทั้งเมืองถูกระบายด้วยสีเหลืองคลาสสิค ตั้งอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำทูโบน  (Thu Bone River) สายน้ำที่มีชีวิตของเมืองฮอยอัน
เราเองเคยมาฮอยอัน เมื่อ10ปีที่แล้ว นี่คือภาพเมื่อปี 2552 
สายน้ำในเมืองฮอยอันในปี 2552
สายน้ำ ณ ปัจจุบัน มีเรือเล็กนำเที่ยวเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
ตามถนนในเมืองก็เนืองไปด้วยผู้คนเช่นกันจ้า 

       เมื่อรถมาส่งเราถึงเขตเมืองเก่าฮอยอัน เราก็ได้ทำการนัดแนะเวลาให้มารับตอนทุ่มครึ่ง เพราะคณะเราจะเดินชมเมืองฮอยอันยันมืดเพื่อเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่กันครับ จากนี้เราก็ต้องหาจุดซื้อตั๋วเข้าชมเมือง ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 120,000 ด่อง แต่จนแล้วจนรอดเราก็หาจุดซื้อตั๋วไม่เจอ สงสัยรถคงปล่อยเราลงคนละฟากกัน เดินต่อไปเรื่อยๆละกัน
ก่อนทางเข้าเขตเมืองเก่าฮอยอัน คงยังไม่เยอะเท่าไร 
ตรงนี้คือจุดทางเข้าเจดีย์บ่ามู (Bamu Pagoda) 


Bamu Temple Gate ด้านหน้าสวยงามจริงๆ 
ตลอดสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก 
หนุ่มเวียด สาวเวียดนั่งชิลบนจักรยานหน้าร้านกาแฟชื่อดัง 
ใครเดินไม่ไหวก็มีจักรยานให้เช่าขี่นะครับ

          มาเที่ยวฮอยอันทั้งทีต้องมาลิ้มรสกาแฟเวียดนามที่นี่นะ ร้าน Hoi An Roastery รอเราอยู่ กาแฟเวียดนามขึ้นชื่ออยู่แล้วด้วยมีแหล่งปลูกอยู่ทางตอนใต้ ที่นี่มีเม็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย สั่งกันได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 45000-55000 ด่อง ถึงรสกาแฟแท้ๆเลย เราแนะนำให้กินร้อนจะได้รสชาติที่ดีกว่าครับ
ร้านกาแฟเล็กๆ Hoi An Roastery ย่านถนนคนเดินเมืองฮอยอัน 

ที่นี่เค้าจะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์กาแฟดีดีจากเวียดนามมาคั่วบดอย่างดี
พร้อมบรรยากาศชิลๆ ในร้าน น่านั่งทานกาแฟมากๆ 
สั่งกันมาคนละแก้วเลยจ้า รวมทั้งหมดสามแก้ว 

       สำหรับการเดินชมเมืองเก่าฮอยอันนั้น ถ้าใครเดินไม่ไหวที่นี่มีรถถีบให้บริการ โดยผู้โดยสารจะนั่งด้านหน้า ถ่ายรูปได้สบายๆ หรือจะเช่าจักรยานขี่ชมเมืองก้ได้นะชิลดีเหมือนกัน เพราะพื้นที่เมืองเก่าค่อนข้างกว้างเดินให้ทั่วเมืองจริงๆ ต้องใช้เวลาทั้งวัน แล้วช่วงเย็นการจราจรของคนก็จะคับคั่งมากๆ เต็มไปด้วยทัวร์จีนเดินเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าจะขี่จักรยานก็จะค่อนข้างลำบาก

ช่วงบ่ายถึงเย็นคนจะค่อนข้างแน่นหน่อย เวลาเดินต้องระวังทรัพย์สินนิดนึง 
พอเราเดินออกมาถนนริมน้ำบรรยากาศจะชิวกว่ามากครับ 
บ้านเรือนส่วนใหญ่ยังทาสีเหลืองและคงสภาพแบบเดิมๆไว้

      สำหรับคนที่ชอบซื้อของฝากกลับไปให้คนทางบ้าน ในเมืองเก่าสามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป แต่ต้องตรวจสอบราคาร้านข้างเคียงแล้วต่อรองราคาให้ดี เพราะแม่ค้าที่นี่บอกต่อราคาไว้ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงอยู่ที่ศิลปะการต่อรองของแต่ละท่านครับ สินค้าขึ้นชื่อก็จะมี หมวกเวียดนาม ชุดประจำชาติ พัด ร่ม ปากกา พวงกุญแจ โปสการ์ด ฯลฯ 
โคมไฟเวียดนามน้ำหนักเบา พับได้ หลายคนเลือกซื้อไปตกแต่งบ้าน 
พัดกับหมวกจำเป็นมากๆ เพราะที่ฮอยอันแดดแรงมาก 
บางร้านก็ขายทั้งไอติม แล้วก็ขายของที่ระลึกด้วย 
โปสการ์ดแนวๆ ภาพถ่ายสวยๆ มีให้เลือกมากมายครับ

       ไฮไลท์ของเมืองเก่าฮอยอันคือสะพานญี่ปุ่นที่ทุกคนจะต้องมาถ่ายรูปกันที่นี่ ได้รับการก่อสร้างโดยชุมชนชาวญี่ปุ่นเมื่อ 400 กว่าปีที่แล้ว รูปทรงโค้งของสะพานและหลังคามุงกระเบื้องสีเขียวและเหลืองเป็นคลื่น ตรงกลางสะพานมีเจดีย์ทรงจัตุรัสที่สร้างอุทิศให้แก่ดั๊กเดและตรันหวู
ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปที่สะพานญี่ปุ่นแห่งนี้ อายุกว่า 400 ปี
น่าเสียดายที่ในปัจจุบันตัวสะพานทรุดโทรมลงไปมากเลยครับ 

     ยามเย็นบรรยากาศริมน้ำเมืองฮอยอันคือดีมาก อีกหนึ่งกิจกรรมที่ห้ามพลาดเลยคือการนั่งเรือล่องแม่น้ำทูโบน เพื่อชมบรรยากาศสองฝั่งน้ำ ที่เราจะเห็นร้านอาหารริมน้ำเริ่มมาตั้งร้านค้ากัน แล้วก็ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินไปในตัว นอกจากนี้นายพายเรือเขายังได้เตรียมกระทงมาให้เราสามคนได้ลอยในแม่น้ำอีกด้วยแน่ะ ทั้งทริปล่องเรือนี่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ราคาก็ไม่แพงด้วย ราคาเหมา 240000 ด่อง 
ยิ่งเย็นบรรยากาศก็ยิ่งชิล ตลาดน้ำก็เริ่มมาเปิดแล้ว 
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวก็เริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน 
สายน้ำที่นี่มีชีวิต อาหารเริ่มทำวางขาย 
หลายคู่ได้โอกาสนั่งชิลชิลริมน้ำชมพระอาทิตย์ตกเสียเลย
นี่คือเรือที่จะพาเราล่องแม่น้ำทูโบนครับ
กลางสะพานข้ามแม่น้ำเป็นอีกจุดที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันครับ คิวแน่นมาก 
อีกไม่นานตะวันก็จะลับขอบฟ้าแล้ว รีบลงเรือกันเถอะครับ 
จักรยานยังเป็นพาหนะที่น่าใช้ในการเยี่ยมชมเมืองฮอยอันเสมอ 
บ้านเรือนเก่าทาสีเหลือง บ่งบอกอารยธรรมยุคอาณานิคมได้เป็นอย่างดี 
เอาล่ะเรือเริ่มออกเดินทางกันแล้ว
เรือล่องแม่น้ำอาศัยแรงคนพายไร้เครื่องยนต์ พายไปแบบเนิบช้าๆ 
เวลานี้เป็นใครก็อดไม่ได้ที่จะยกมือถือขึ้นมาแชะภาพครับ
เรือทุกลำจะต้องลอดใต้สะพานเตี้ยๆ ทั้งไปและกลับครับ ก้มหัวไว้ให้ดี 
อุ๊ยนั่น มันกำลังจะตกดินพอดีเลย 
พอความมืดโรยตัวเราได้ยินเสียงคนพายเรือเค้าเตรียมอะไรบางอย่าง
โอ้แม่เจ้า ไม่บอกไม่รู้มาก่อนเลย 
เค้าเตรียมกระทงไว้ให้เราสามคนได้ลอยกันครับ

กระทงไม่มีหลงทาง เพราะเรือลำอื่นๆ ต่างก็มุ่งหน้ามาลอยที่นี่เหมือนกัน
พอลอยกระทงเสร็จ เรือของเราก็หมุนกลับไปทางเดิมทันที 
เรือล่องแม่น้ำแต่ละลำได้เตรียมกระทงไว้หมดแล้ว 
ตอนนี้บรรยากาศบนฝั่งแถวสะพานญี่ปุ่นคือ คนเยอะมากก 
เรือแล่นกลับมาที่สะพานอีกครั้งให้ทุกคนก้มหัวลงอีกรอบ 
ตอนนี้เมืองเก่าฮอยอันสวยกว่าตอนกลางวันอีกเป็นเท่าตัวเลย
ขึ้นไปอีกฝั่งมีซุ้มประตูมังกรด้วย 
สตรีทฟู้ดขึ้นชื่อของเมืองฮอยอันก็คืออาหารปิ้งย่างครับ มีขายกันทั่วไป 
ใช่แล้วครับ มันคือนกย่าง
กบเวียดนามตัวใหญ่มากครับ  Ech =กบ
โดมนี้คือโรงละครขนาดย่อมๆ ครับ 
ฮอยอันตอนกลางคืนก็จะงดงามไปอีกแบบ 
หัวใจนี้ตอนกลางวันไม่สวย พอกลางคืนสวยขึ้นทันทีเลย 
ขอแวะเดินชมงานอาร์ตสักนิดก่อนจะต้องลาจากฮอยอัน 
เรามาสะดุดตาก็ตรงงานป๊อปอัพนี่แหละ ชอบจริงๆ 

             และแล้วก็ได้เวลานัดรถแท็กซี่มารับ ทริปฮอยอันสิ้นสุดลง เราจะกลับไปกินอาหารทะเลมื้อค่ำที่เมืองดานังกัน
เราลองมานั่งกินร้าน Seafood ข้างทางในเมืองดานัง อาหารทะเลที่นี่สดมาก รสชาติใช้ได้เลย ถึงน้ำจิ้มจะไม่แซ่บก็ตาม เราสั่งมาหลายอย่าง ตกราคาจานละแสนด่อง ร้านนี้ไม่มีเมนูรูปภาพให้จิ้มเลือก ดังนั้นวิทยายุทธในการสั่งจึงอยู่ที่การนั่งเหล่โต๊ะข้างๆ แล้วลอกเมนูของเขามา เพราะเจ้าของร้านเองก็พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย

พวกเรามายืนรอรถกันแถวหน้าวัด Bamu ตอนกลางคืนก็สวยไปอีกแบบ

นี่เราได้มานั่งกินร้าน seafood ข้างทางแบบดานังสไตล์กันเลยทีเดียว 
เมนูเขียนขึ้นกระดานแบบนี้ เราอ่านไม่ออกจ้า ต้องไล่ทีละอันให้เขาพิมพ์
ภาษาเวียดนามลงมือถือของเขาแล้วกดปุ่มแปลเป็นภาษาอังกฤษ เราก็จะพอสั่งได้

ปลาหมึกต้มจานนี้ แทบจะลุยสวน ผักมาเต็มจานเลยจ้า Muc = Squid
ส่วนกุ้งผัดจานนี้รสชาติหวานแล้วก็น้ำมันท่วมเลย  Goi = Shrimp
จานนี้เป็นปลาเล็กปลาน้อยใส่ไข่และแป้งทอด ลักษณะเป็น fish cake
Com = rice ถ้าจะสั่งข้าวให้พูดว่าเก๋อม แล้วชูจำนวนตามนิ้วได้เลย 
แต่ข้าวที่นี่จะมาเป็นชามใหญ่ๆ ระวังด้วย

วันนี้พวกเราทั้งสี่อิ่มกันมากจ้า กว่าจะกลับไปนอนกันได้ก็เล่นเอาดึกเหมือนกัน  พรุ่งนี้เรายังมีภาระกิจไปพิชิตบานาฮิล (Bana Hill) กัน และไปเที่ยวทะเลดานังคือ ชายหาดหมี่เขว (Mykhe Beach) รอพวกเรากันอยู่จ้า
กลับมานอนยังวิมานของเรา Nhat Lhin Hotel คืนนี้นอนสลบเลย

เที่ยวดานัง ขึ้นเขาบานาฮิลล์ เดินชิลกับเมืองยุโรปที่ยกมาไว้บนเขา